Home

ขนม หยก มณี

เชื่อว่าใครหลาย ๆ คนคงกำลังสงสัยว่าขนมไทยชนิดนี้คืออะไร หยกมณี คือขนมที่ถูกรับประทานกันในรั้ววังมาเป็นเวลานาน เป็นขนมหาทานยากของไทย ที่ในปัจจุบันมีผู้ทำขายอยู่น้อยมาก ดังนั้นวันนี้เราจึงขอเสนอสูตรการทำ ขนม หยก มณี ขนมชาววังชนิดนี้ให้แก่ทุกคน บอกเลยว่าเป็นสูตรแบบกระชับเข้าใจง่ายเพื่อให้ทุกคนสามารถทำตามได้อย่างไม่ซับซ้อน การันตีว่าเมื่อได้ทานแล้ว จะต้องติดใจด้วยรสชาติแบบผู้ดีราวกับส่งตรงมาจากวัง คงอยากรู้กันแล้วใช่ไหมว่าขนมไทยชนิดนี้ จะมีวิธีการทำอย่างไร ตามไปดูกันเลยดีกว่า

ที่มาของชื่อ ขนม หยก มณี ขนมไทยชาววัง อร่อย หอมกลิ่นใบเตย

ขนม หยก มณี

เหตุผลที่ ขนมไทย ชนิดนี้ถูกเรียกกันว่า หยกมณี เดิมทีนั้น หยกมณี ความหมาย เป็นขนมที่ทำจากเม็ดสาคูและนำไปทานคู่กับมะพร้าวขูดฝอย นิยมใช้สีเขียวจากใบเตยเป็นสีของขนม ทำให้ดูคล้ายกับหยกที่มีสีเขียวและเปล่งประกายเหมือนอัญมณี จากการที่มีมะพร้าวขูดฝอยเกาะอยู่รอบ ๆ ภายนอก ทั้งนี้ ขนม หยกมณี ยังถูกนำไปใช้ในการรับประทานของคนชาววัง ส่งผลให้กลายเป็นขนมหายากที่ในปัจจุบันแทบไม่มีใครทำเป็น ในวันนี้เราจึงจะมาแจก สูตร ขนม ไทย หาทานยากให้กลายเป็นขนมที่สามารถทำกินเองที่บ้านก็ได้ หรือจะทำขายก็ปัง

วัตถุดิบสำหรับการทำ ขนมหยกมณี

ขนม หยก มณี
  1. สาคูเม็ดเล็ด 150 กรัม 1 ถ้วยตวง 
  2. น้ำตาลทราย 165 กรัม 1 ถ้วยตวง
  3. น้ำใบเตย 534 กรัม 2 ถ้วยตวง
  4. เนื้อมะพร้าวหั่น 80 กรัม
  5. เนื้อมะพร้าวขูดยาว 200 กรัม
  6. น้ำมะพร้าว 600 มิลลิลิตร
  7. น้ำอัญชัน 534 กรัม 2 ถ้วยตวง (สำหรับการทำ หยกมณีอัญชัน)
  8. เกลือหยิบมือ

อุปกรณ์ที่ต้องมีสำหรับการทำ ขนมไทยชาววัง

  1. ตะแกรง (ใช้เพื่อสะเด็ดน้ำสาคู) 
  2. ถาด (ไว้ใช้เป็นภาชนะใส่วัตถุดิบในการทำ)
  3. ผ้าขาวบาง (ไว้ใช้กรองสำหรับทำน้ำใบเตย 534 กรัม) 
  4. จาน ( ไว้ใส่ขนมที่เสร็จแล้วพร้อมเสิร์ฟ)
  5. เครื่องปั่น (สำหรับทำน้ำใบเตย)

วิธีการทำขนมหยกมณี

ขนม หยก มณี
  1. ขั้นตอนแรกสำหรับการทำ ขนม หวาน ไทย เริ่มต้นด้วยการนำมะพร้าวมาขูดเป็นเส้น ๆ และนำไปนึ่งให้พอสุก จากนั้นนำไปตั้งไว้ให้ห่างไกลจากความชื้นและแสงแดด 
  2. ระหว่างนั้นให้นำสาคูเม็ดไปล้างน้ำให้สะอาด โดยเทสาคูลงบนตะแกรงตามด้วยน้ำเปล่า จากนั้นใช้มือคนล้างไปมา เมื่อคนจนรู้สึกว่าน้ำที่คนมีสีขาวขุ่นพอประมาณแล้ว 
  3. ให้นำน้ำนั้นทิ้ง โดยไม่ให้สาคูตกหล่นและใส่น้ำใหม่เข้าไปใหม่อีกครั้ง พร้อมทั้งทำแบบเดิมวนไปประมาณ 2-3 รอบ และตั้งสาคูไว้บนตะแกรง เพื่อสะเด็ดน้ำเป็นเวลา 10-20 นาที 
  4. ขั้นตอนต่อมาของการทำ ขนมไทย โบราณ หลังจากสะเด็ดน้ำสาคูเสร็จแล้ว ให้นำสาคูและน้ำใบเตยมาผสมเข้าด้วยกัน น้ำใบเตยที่นำมาผสมจะต้องเป็นน้ำใบเตยที่มาจากใบเตยหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 
  5. นำไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นนำไปกรองส่วนที่เป็นกากออกด้วยผ้าขาวบาง เมื่อได้น้ำใบเตยด้วยวิธีดังกล่าวมาแล้วให้นำไปตั้งไฟคู่สาคูที่เตรียมไว้ และกวนสาคูต่อไปจนสุก
  6. ปรุงรสโดยการใส่น้ำตาลทราย จากนั้นกวนจนกว่าทุกอย่างจะเข้ากันและมีความเหนียวของสาคูอย่างเห็นได้ชัด นำสาคูที่กวนจนได้ที่แล้วมาล่อนออกจากกระทะ และตักเป็นก้อน ๆ ให้ดูสวยงาม 
  7. ขั้นตอนสุดท้ายของการทำ ขนม โบราณ ชนิดนี้คือ นำสาคูก้อนที่ตักไว้มาคลุกกับมะพร้าวทึนทึกที่ขูดเป็นเส้น ๆ และนำไปนึ่งจนสุกเอาไว้ก่อนหน้า 
  8. ตบท้ายด้วยการตกแต่งจานขนมด้วยการวาง ขนม ไทย ง่ายๆ ให้เป็นชิ้น ๆ อย่างมีระเบียบ เพียงเท่านี้ก็เสร็จสิ้น ขนมหยกมณี พร้อมนำเสิร์ฟ

เทคนิคการทำ ขนม หยก มณี ที่ต้องจดจำ เนื้อหนึบนุ่มอร่อยน่าลิ้มลอง

ขนม หยก มณี

สาคูที่นำมาทำ ขนมไทย ทำ ง่าย จะต้องซาวน้ำแบบเร็ว ๆ และเวลากวนสาคูต้องใช้ไฟปานกลางค่อนไปทางแรง จะทำให้มีความเหนียวหนึบ และนุ่มอร่อย ที่สำคัญสีของขนมอาจเปลี่ยนได้ ไม่จำเป็นต้องใช้สีเขียวจากใบเตยเพียงอย่างเดียว โดยอาจจะเป็นชมพู ม่วง เหลือง หรือทั้งสามสีในถ้วยเดียวกันอย่าง หยกมณีสามสี ก็ได้ ทั้งนี้ในการทำขนม หยก มณี ผู้ทำจะต้องใส่ใจในเรื่องของรายละเอียดวัตถุดิบพอสมควร เพราะว่าเป็นขนมชาววัง ซึ่งเป็นขนมที่มีความประณีตและรังสรรค์ออกมาให้มีหน้าตาที่น่ารับประทานเป็นที่สุด 

กลวิธีนำขนมหยกมณีวางขายเพื่อสร้างกำไร จากขนมไทยทำเอง 

ขนม หยก มณี

อย่างที่เราได้กล่าวไปในตอนแรกของบทความว่า ขนม ไทย อย่างหยกมณีนั้น ถือว่าเป็นขนมที่หาทานได้ยาก ด้วยเหตุผลที่เป็นขนมชาววังและถูกรับประทานกันเพียงแต่ในรั้ววังเท่านั้น ส่งผลให้คนทั่วไปแบบเรา ๆแทบไม่มีโอกาสจะได้ลิ้มลองขนมหวานชนิดนี้ ซึ่งแน่นอนว่าหากนำสูตร ขนมไทย ทำเอง ที่เราได้นำมาแบ่งปันในวันนี้ ไปลองฝึกฝีมือและพัฒนาจนสามารถทำได้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว การนำขนม หยกมณีไปวางขายจึงเป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้ผู้ทำสามารถสร้างเงินกำไรได้จากขนมไทยชาววังชนิดนี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ 

อ่านบทความอื่นๆ: