ข้าวเหนียวสังขยา

กินคาวไม่กินหวาน สันดานไพร่ เป็นสำนวนที่สะท้อนให้เห็นว่าในสมัยโบราณของหวานนั้นเป็นอาหารของเจ้าขุนมูลนายหรือคนมีฐานะ ในขณะที่พวกไพร่จะไม่มีโอกาสได้ทานของหวาน เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้นั้นมีราคาแพงและหาได้ยาก ของหวานจึงกลายเป็นอาหารสูงส่งที่เหล่าไพร่มิอาจเอื้อมถึง แต่ในปัจจุบันใคร ๆ ก็สามารถทานของหวานได้ และหากพูดถึงของหวานไทยสมัยโบราณที่ขึ้นชื่อ ข้าวเหนียวสังขยา ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ร่ำลือเรื่องความอร่อยไม่แพ้ใครเลย 

เปิดประวัติ ข้าวเหนียวสังขยา เมนูของหวานชาวสยาม อร่อยลือนามจนต้องตามมาชิม

ข้าวเหนียวสังขยา

แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลการันตีอย่างแน่ชัด แต่คนไทยเชื่อกันว่า ข้าวเหนียว สังขยา เป็นขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีผู้คิดค้นอย่างท้าวทองกีบม้า หรือ “มารี กีมาร์” ภรรยาของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ เพราะในจดหมายเหตุฝรั่งเศสฉบับหนึ่งได้บันทึกไว้ว่า ท้าวทองกีบม้าท่านนี้ได้สอนให้ชาวสยามทำของหวานชนิดต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือสังขยา และต่อมาได้มีการนำมาทานคู่กับข้าวเหนียวสุกคลุกกับกะทิที่เรียกกันว่า ข้าวเหนียวมูน เมื่อรวมกันแล้วจะเรียกว่า ข้าวเหนียว สังขยา จัดว่าเป็น ขนมไทย โบราณที่มีมานานพอสมควร 

สูตร ข้าวเหนียวสังขยา โบราณ ทำได้ทั้งเตาถ่านและเตาแก๊ส ให้รสสัมผัสแบบดั้งเดิม

ข้าวเหนียวสังขยา

ข้าวเหนียวสังขยาสูตรโบราณ จะมีรสชาติหวานหอมกลมกล่อม ข้าวเหนียวมูนจะนุ่มกำลังดี ไม่เละ และให้รสชาติหวานนำ ส่วนเนื้อสังขยาจะมีหน้าตาสวยงาม มีสีเหลืองทอง นิยมใช้ไข่ไก่เป็นส่วนผสม เมื่อทำทั้งสองอย่างเสร็จแล้วจะนำมาห่อด้วยใบตอง โดยรวมถือเป็น ขนมไทยทำง่าย มาก ๆ ในตลาดสดอาจมีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ แต่ถ้าใครอยากลองทำเอง เตรียมจดสูตรข้าวเหนียวสังขยา โบราณกันเลย 

วัตถุดิบและส่วนผสมข้าวเหนียวมูน

  1. ข้าวสาร (ข้าวเหนียวเขี้ยวงู) 500 กรัม
  2. กะทิ 250 กรัม
  3. น้ำตาลทราย 220 กรัม
  4. เกลือ 1 ช้อนชา

ส่วนผสมเนื้อสังขยา

  1. ไข่ไก่ 8 ฟอง
  2. กะทิ 250 กรัม
  3. น้ำตาลปี๊บ 200 กรัม
  4. เกลือ 1 ช้อนชา
  5. ใบเตย 5 ใบ 

วิธีการทำข้าวเหนียวสังขยา

ข้าวเหนียวสังขยา
  1. ขั้นตอนแรกนำข้าวเหนียวเขี้ยวงูมาล้างทำความสะอาด ซาวน้ำหลาย ๆ รอบจนน้ำใส จากนั้นแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน
  2. เตรียมทำน้ำกะทิข้าวเหนียวมูน เริ่มจากตั้งหม้อแล้วใส่กะทิลงไป ตามด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ เคี่ยวด้วยไฟกลางจนส่วนผสมละลายและน้ำกะทิเริ่มเดือด เสร็จแล้วปิดเตาพักไว้
  3. เตรียมนึ่งข้าวเหนียว เทข้าวเหนียวเขี้ยวงูที่แช่น้ำไว้ 1 คืนลงในหวดและนำไปนึ่งจนสุก
  4. นำข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วใส่ในภาชนะ จากนั้นเทน้ำกะทิที่เตรียมไว้ลงไป เกลี่ยและคนให้เข้ากัน ปิดฝาทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ข้าวเหนียวดูดซึมน้ำกะทิได้อย่างทั่วถึง
  5. เตรียมทำเนื้อสังขยา เริ่มจากตอกไข่ใส่ภาชนะ ใส่กะทิ น้ำตาลปี๊บ เกลือ และใบเตยลงไป ใช้มือขยำให้ส่วนผสมแตกตัวและเข้ากันดี เสร็จแล้วพักไว้ 5 นาที
  6. ตักฟองที่ลอยขึ้นมาออกและกรองส่วนผสมให้สังขยามีเนื้อเนียนขึ้น จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟกลางประมาณ 45 นาที หลังจากนึ่งเนื้อสังขยาสุกแล้ว นำออกมาพักไว้ให้เย็น
  7. ตักข้าวเหนียวมูนใส่บนใบตอง ตามด้วยเนื้อสังขยา หากต้องการทำขายก็สามารถห่อด้วยใบตอง หรือถ้าหากจะทานก็จัดการได้ตามสะดวกเลย เพียงเท่านี้ถือเป็นอันเสร็จ 

เทคนิคทำ ข้าวเหนียวสังขยา ให้ได้หน้าสังขยาเนียนสวย ดูน่ารับประทาน

ข้าวเหนียวสังขยา

หากต้องการให้หน้า สังขยา มีเนื้อเนียนสวย ดูน่ารับประทาน ในขั้นตอนการผสมส่วนต่าง ๆ เข้าด้วยกันของเมนูข้าวเหนียวสังขยาควรใช้มือขยำจนส่วนผสมละเอียดและเข้ากันได้ดี โดยเฉพาะไข่ไก่และน้ำตาลปี๊บ ควรขยำให้ละลายและละเอียดมากที่สุด จากนั้นพักไว้ 5 นาที จะสังเกตเห็นว่ามีฟองลอยขึ้นมา ให้ตักฟองออกและกรองส่วนผสม วิธีนี้จะช่วยให้ ข้าวเหนียวสังขยาไข่ไก่ ของเรามีเนื้อเนียนละเอียด เมื่อนึ่งเสร็จจะดูสวยงาม น่าทานมากยิ่งขึ้น 

ตำนานข้าวเหนียวสังขยา ของหวานไทยสมัยโบราณ ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้

ข้าวเหนียวสังขยา

ในอดีต ขนมหวาน ไทย ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อยเลย เราสามารถหาขนมอร่อย ๆ ทานกันได้ง่าย ๆ แต่ในปัจจุบันขนมหลายชนิดเริ่มจะมีให้เห็นน้อยลง อย่างข้าวเหนียวสังขยาเองก็ถือเป็นขนมไทยที่ทำจากข้าวเหนียวมูน มาพร้อมกับหน้าสังขยาอันน่ารับประทาน หลายคนยังคงนิยมทาน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันนี้มีของหวานอื่น ๆ ให้เลือกทานมากขึ้น เมนูของหวานไทยง่าย ๆ อาจได้รับความนิยมน้อยลง ดังนั้นเราทุกคนจึงควรช่วยกันอนุรักษ์ไว้

อ่านบทความอื่นๆ: