ในปัจจุบันขนมไทยโบราณบางชนิดหาทานได้ค่อนข้างยากแล้ว เนื่องจากมีขนมหรือของกินเล่นต่าง ๆ ได้กำเนิดขึ้นใหม่เรื่อย ๆ บางเมนูเกิดจากการสร้างสรรค์ และบางเมนูเกิดจากการดัดแปลงมาจากต้นฉบับ อย่างไรก็ตามเราสามารถกล่าวได้ว่าในยุคสมัยนี้ขนมไทยโบราณเริ่มจางหายไปกับกาลเวลา ทว่ามีขนมไทยหลายชนิดยังหาทานได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีขนมไทยหลายชนิดที่เริ่มสูญหายไปแล้วเช่นกัน วันนี้เราจึงอยากชวนมาระลึกถึงอดีตผ่านขนมไทยโบราณอย่าง ขนม ผิง
รู้จัก ขนม ผิง ขนมไทยโบราณในตำนานสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้มาจากต้นตำรับโปรตุเกส

ขนมผิง เป็นขนมที่เกิดจากการนำกะทิและน้ำตาลมาเคี่ยวจนข้น ต่อมาทำให้เย็นแล้วใส่ไข่และแป้งมันสำปะหลัง หรืออาจมีการผสมแป้งชนิดอื่นเข้ากับแป้งมันสำปะหลังก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการเติมส่วนผสมอื่น ๆ อาทิ งา สี และสารแต่งกลิ่น หลังจากนั้นนวดให้ส่วนผสมเข้ากับแป้งและปั้นเป็นรูปทรงต่าง ๆ จัดเป็น ขนมไทย โบราณ ที่มีตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีต้นตำรับมาจากอาหารโปรตุเกส ดัดแปลงโดยหญิงสาวลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น นามว่า “มารี กีมาร์” นอกจาก ขนมผิง แล้ว ยังมีขนมชนิดอื่น ๆ ที่เธอได้ดัดแปลง
แนะนำ ขนม ผิง สูตรโบราณ ทำทานง่าย หอมกลิ่นกะทิและน้ำตาล รสชาติหวานกำลังดี

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า ขนมผิง ทำ จาก แป้งมันสำปะหลัง กะทิ น้ำตาล และไข่ จัดเป็นขนมไทยที่ทำได้ง่ายมาก ๆ จะเห็นว่ามีส่วนผสมอยู่ค่อนข้างน้อย ในอดีตเราจะพบเห็นขนมชนิดนี้ได้อยู่บ่อย ๆ แต่ทว่าในปัจจุบันอาจมีบางพื้นที่ที่หาทานได้ง่าย แต่ในบางที่อาจหาทานได้ยากแล้ว อย่างไรก็ตามเรามี สูตรขนมผิง ง่าย ๆ มาแนะนำ หวังว่าทุกคนจะยังสนใจขนมชนิดนี้และช่วยกันอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่ต่อไป มาดูกันว่า ขนมผิง โบราณมีขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง

วัตถุดิบและส่วนผสม
- ไข่แดง 1 ฟอง
- แป้งมันสำปะหลัง 220 กรัม
- น้ำตาลทราย 140 กรัม
- กะทิ 120 มิลลิลิตร
- กลิ่นมะลิ 3-4 หยด
- น้ำมันพืช (สำหรับทาก้นถาด)
- เทียนอบ
วิธีทำขนมผิง

- ขั้นตอนแรกทำน้ำเชื่อม โดยเทกะทิลงในกระทะ ตามด้วยน้ำตาลทราย ตั้งไฟอ่อนและคนไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำตาลจะละลาย
- เมื่อน้ำตาลละลายแล้วให้ปิดไฟ พักไว้ให้อุ่น จากนั้นเติมกลิ่นมะลิลงไปเพื่อเพิ่มความหอม
- ใส่แป้งมันลงในกะละมัง ทำหลุมตรงกลาง จากนั้นตีไข่แดงให้แตกแล้วเทลงตรงกลางหลุมแป้งมัน คนส่วนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน
- ทำหลุมตรงกลางที่แป้งมันอีกครั้ง หลังจากนั้นทยอยใส่น้ำเชื่อมลงไปทีละนิด ๆ สลับกับการนวดแป้ง นวดจนส่วนผสมเข้ากับแป้งมันได้ดี เสร็จแล้วพักไว้ให้เซ็ตตัวสักระยะ
- ทาน้ำมันลงบนถาดให้ทั่ว หลังจากนั้นนำแป้งที่พักไว้มาปั้นเป็นทรงกลมขนาดเล็กและใส่ลงในถาด ทำจนครบตามจำนวน
- นำแป้งที่ปั้นเสร็จแล้วไปอบในเตา ตั้งอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส อบประมาณ 10-15 นาที เสร็จแล้วนำออกจากเตาและพักไว้ให้อุ่น
- เมื่อขนมอุ่นแล้วให้นำใส่หม้อ อบควันเทียนไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง หรือข้ามคืน หลังจากอบควันเทียนแล้วจะทำให้ขนมมีกลิ่นหอม สามารถนำมารับประทานหรือเก็บใส่ภาชนะได้เลย
วิธีอบควันเทียน ขนม ผิง แบบง่าย ๆ ให้ได้กลิ่นหอมฟุ้ง ชวนให้ขนมน่ารับประทาน

การอบควันเทียนถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำขนมชนิดนี้ และเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้ขนมดังกล่าวมีกลิ่นหอมชวนรับประทาน โดย สูตร ขนม ไทย มักจะใช้การอบลักษณะนี้เช่นเดียวกัน วิธีอบควันเทียนง่าย ๆ โดยนำขนมผิงใส่ในหม้อหรือภาชนะ จากนั้นนำเทียนใส่ลงไป ควรจุดเทียนจนไหม้และมีไขเทียนก่อนค่อยปิดฝาภาชนะ ปล่อยให้ไฟเทียนดับเอง อบไว้ประมาณ 8 ชั่วโมง หรือ 1 คืน วิธีนี้จะทำให้ขนมมีกลิ่นหอมมากยิ่งขึ้น นับเป็น ขนมไทย ทำเอง ง่าย ๆ แต่ต้องใช้เวลาอบอยู่พอสมควร
ขนมผิง ขนมไทยโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา กำเนิดมาจากราชินีขนมไทย

ขนมผิงโบราณ กำเนิดขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งถูกดัดแปลงมาจากต้นตำรับโปรตุเกส โดยหญิงสาวลูกครึ่งโปรตุเกส-ญี่ปุ่น หากจะพูดว่าเธอเป็นผู้นำด้านการดัดแปลงขนมไทยจากต้นตำรับโปรตุเกสในสมัยนั้นก็คงไม่ผิด นอกจากขนมผิงที่เรากล่าวถึงอยู่นี้ ยังมีเมนู ขนม ไทย ชนิดอื่น ๆ อีกที่เธอได้สร้างสรรค์ดัดแปลงมันขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ทองม้วน หม้อแกง และสังขยา ถือเป็นราชินีขนมไทยในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้
อ่านบทความอื่นๆ: