ประเทศไทยของเราถือได้ว่าเป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยเมนูอาหารทั้งคาวทั้งหวานอยู่มากมาย และถ้าหากกล่าวถึงขนมหวานไทยโบราณ หนึ่งในขนมที่หาทานได้ยากก็คือ ขนมอินทนิล หลายคนอาจยังไม่เคยทาน และเชื่อว่ามีบางคนที่ยังไม่รู้จักกับของหวานเมนูนี้ เนื่องจากเป็นของหวานไทยโบราณที่หาทานได้ยากมากในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามกรรมวิธีการทำขนมชนิดนี้ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากเลย ขั้นตอนการทำไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังใช้วัตถุดิบและส่วนผสมไม่เยอะด้วย หากใครอยากลองทำเอง วันนี้เรามีสูตรการทำง่าย ๆ มาฝากกันด้วย
ขนมอินทนิล เมนูของหวานหาทานยากในปัจจุบัน

ขนมอินทนิลคือ ขนมที่ใช้แป้งมันสำปะหลังเป็นส่วนผสมหลัก โดยในอดีตแป้งมันสำปะหลังนั้นถือว่าเป็นของที่มีราคาอยู่พอสมควร เนื่องจากเป็นสินค้านำเข้ามาจากประเทศสิงคโปร์ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ขนม อินทนิล เป็นของหวานที่มีเฉพาะแค่ในรั้วในวังเท่านั้น คนธรรมดาทั่วไปคงมิอาจจะมีโอกาสได้ทานของหวานกันมากนัก และในปัจจุบันแม้ว่าส่วนผสมของขนมชนิดนี้จะหาได้ง่ายขึ้น แต่ถึงกระนั้น ขนมไทยโบราณ ชนิดนี้ก็ยังคงหาทานได้ยากอยู่ คนรุ่นใหม่จำนวนมากอาจจะไม่คุ้นเคยกับของหวานชนิดนี้มากนัก
สูตร ขนมอินทนิล มะพร้าวอ่อน เนื้อนุ่มละมุนลิ้น หอมหวานจับใจ ทำตามได้ไม่ยาก

อย่างที่กล่าวไปว่าเมนู ของหวานไทย ชนิดนี้เป็นของหวานไทยโบราณที่หาทานได้ยาก วันนี้เราจึงอยากจะเชิญชวนทุกคนให้มาทำ ขนมอินทนิล ทานกัน ถือเป็นการทำของหวานอร่อย ๆ ทานเล่นในยามว่าง พร้อมกับอนุรักษ์สูตรขนมไทยให้คงอยู่กับคนไทยตลอดไปด้วย ซึ่งเป็นขนมที่ทำได้ค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว และเราก็มี สูตรขนมอินทนิล มาฝากทุกคนด้วย ใครอยากรู้ว่าเมนูของหวานนี้ใช้วัตถุดิบและส่วนผสมอะไรบ้าง เราก็จะบอกอย่างละเอียด พร้อมกับแชร์ วิธี ทํา อินทนิล ง่ายๆ ให้อีกด้วย
วัตถุดิบและส่วนผสม

ส่วนผสมน้ำกะทิ
- กะทิกล่องอบควันเทียน 500 กรัม
- น้ำเปล่า 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 150 กรัม
- เกลือป่น 3/4 ช้อนชา
- มะพร้าวอ่อน 250 กรัม
ส่วนผสมตัวขนม
- น้ำใบเตยคั้นสด 500 กรัม
- น้ำตาลทราย 25 กรัม
- แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม
วิธี ทํา อินทนิล มะพร้าวอ่อน

- ขั้นตอนแรกเตรียมต้มน้ำกะทิ โดยใส่กะทิลงไปในกระทะ ตามด้วยน้ำเปล่า น้ำตาลทราย และเกลือป่น จากนั้นจุดแก๊สโดยใช้ไฟกลาง ค่อย ๆ คนน้ำกะทิจนน้ำตาลละลายและน้ำกะทิเดือด
- เมื่อกะทิเดือดแล้วให้ใส่มะพร้าวอ่อนลงไป ต้มให้มะพร้าวสุก ใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที เสร็จแล้วปิดแก๊สได้เลยเตรียมทำตัวขนมอินทนิล โดยตั้งกระทะแล้วเทน้ำคั้นสดใบเตยลงไป
- ตามด้วยน้ำตาลทราย และแป้งมันสำปะหลัง จากนั้นจุดแก๊สโดยใช้ไฟอ่อน นำตะกร้อมือกวนไปเรื่อย ๆ จนกว่าตัวขนมจะสุกและมีเงาใส เสร็จแล้วปิดแก๊สแล้วเทตัวขนมที่ได้ใส่ลงในภาชนะ พักไว้ให้เย็นสนิท
- เมื่อตัวขนมเย็นสนิทแล้วให้เตรียมถ้วยจัดเสิร์ฟ โดยเริ่มจากตักน้ำกะทิลงไปในถ้วยก่อน จากนั้นใช้ช้อนค่อย ๆ ตักตัวขนมเป็นคำ ๆ ใส่ลงไปทีละน้อย ๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถทานได้แล้ว
การปรับเปลี่ยนสูตร ขนมอินทนิล ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน

จะเห็นได้ว่าขนมอินทนิลที่ทำกันในปัจจุบันนี้มักจะมีสีเขียวเป็นส่วนมาก นั่นอาจเป็นเพราะว่าสีม่วงที่ได้จากดอกอัญชันนั้นหาได้ยากกว่าสีเขียวจากใบเตย อีกทั้งใบเตยยังเป็นตัวที่ทำให้ขนมมีความหอมมากขึ้นด้วย ซึ่งอาจไม่ใช่สูตรต้นตำรับที่บอกเล่าถึงที่มาของ เมนูขนมไทย ชนิดนี้ อย่างไรก็ตามการปรับสูตรขนมนั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติที่มักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ ยิ่งเวลาผ่านไปสูตรขนมต่าง ๆ ก็มักจะถูกเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย ดังจะเห็นได้ว่า อินทนิล หยกสด วิธีทำ นั้นง่ายมาก ๆ จึงเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน
เทคนิคการกวนขนมอินทนิล อย่างไรให้แป้งข้นหนืด มีเงาใส

จริง ๆ แล้วการกวนแป้งให้มีความข้นหนืด และดูมีเงาใส สามารถทำได้ไม่ยาก ต้องบอกว่า เมนูขนมไทยโบราณ ส่วนมากจะใช้แป้งเป็นวัตถุดิบหลัก และมีหลายเมนูที่ใช้วิธีการกวน สำหรับ สูตรขนมไทย ชนิดนี้ต้องนำน้ำใบเตยคั้นสดแบบสีไม่เข้มมาก เพราะถ้าคั้นสีเข้มมากจะทำให้ขนมมีรสขมได้ ต่อมาใส่น้ำตาลทรายและแป้งมันสำปะหลัง เทคนิคในการกวนคือการใช้ไฟอ่อน เมื่อกวนไปเรื่อย ๆ จนถึง 3 นาที แป้งจะข้นขึ้น ให้กวนต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสุกและเงาใส
ขนม อินทนิล ขนมหวานไทย ทานอย่างไรถึงจะอร่อย

เมื่อพูดถึงการทาน ของหวานอินทนิล แล้ว เราสามารถทานแบบใส่น้ำแข็ง หรือไม่ใส่น้ำแข็งก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน แต่การใส่น้ำแข็งลงไปด้วยนั้นจะทำให้ได้รสชาติหวานสดชื่นมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหวานจากปริมาณน้ำตาลที่ใส่ ซึ่งเมนู ขนมไทย ก็ขึ้นชื่อว่ามีรสหวานนำอยู่แล้ว ถ้าหากทำขนมชนิดนี้ออกมาหวานเกินไป สามารถตัดเลี่ยนได้โดยการทานคู่กับน้ำแข็ง ซึ่งเป็นวิธีที่จะช่วยให้รสชาติของขนมกลมกล่อมมากขึ้น
อ่านบทความอื่นๆ: