สำหรับเมนูสาคูเปียกนั้นถือเป็นเมนูที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป โดยจุดเด่นของเมนูนี้จะมีความคล้ายคลึงกับข้าวเหนียวดำเปียกลำไย แต่จะแตกต่างกันตรงเมนูนี้จะใช้เมล็ดสาคูเป็นส่วนผสมหลัก เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วเนื้อสาคูจะมีความเหนียวนุ่มน่ารับประทาน แต่การจะต้มสาคูให้ได้รสชาติที่ดีได้นั้น ก็จำเป็นต้องใช้เทคนิคและวิธีการต้มที่ค่อนข้างพิถีพิถันด้วย และวันนี้เราก็มีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากกัน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามไปดูขั้นตอนการทำ สาคู เปียก ข้าวโพด แบบง่าย ๆ กันเลยดีกว่า
แบ่งปันสูตรการทำ สาคู เปียก ข้าวโพด อิ่มท้องได้ทั้งครอบครัว
สาคูเปียก ข้าวโพด ถือเป็น ขนม หวาน ไทย เมนูหนึ่งที่มีรสชาติอร่อยล้ำไม่ซ้ำใคร แต่การจะทำเมนูนี้ให้ได้ความเหนียวนุ่มเหมือนกับต้นฉบับได้นั้น ก็จำเป็นต้องต้มเม็ดสาคูให้อยู่ในปริมาณที่เดือดพอดีด้วย โดยการต้มเม็ดสาคูของเมนูขนม สาคู เปียกข้าวโพด ที่ดีนั้น เม็ดจะต้องลอยขึ้นมาเหนือน้ำ หลังจากที่เม็ดสาคูลอยขึ้นมาแล้ว ให้คอยกรองน้ำออกแล้วล้างด้วยน้ำเย็นอีกที ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เม็ดสาคูแห้งแข็งนั่นเอง
ชวนทำเมนูสาคูเปียกข้าวโพด ขนมไทยโบราณ ทำง่าย
อย่างที่เราน่าจะรู้กันดีว่าเมนู ข้าวโพดเปียกสาคู นั้นจัดเป็นเมนู ขนม โบราณ ที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายตามท้องตลาดและห้างซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป แต่การจะซื้อมาทำทานเองก็อาจจะทานได้ไม่หนำใจเท่าไหร่ ดังนั้นแล้วในวันนี้เราจึงรวบรวม สูตร ขนม ไทย แสนอร่อยอย่างเมนู สาคูเปียกข้าวโพด มาแบ่งปันทุกคนกัน
วัตถุดิบสำหรับการทำ สาคูข้าวโพด
- สาคูเม็ดเล็ก 2 ถ้วยตวง
- ข้าวโพดฝาน 2 ถ้วยตวง
- น้ำกะทิ 2 ถ้วยตวง
- ใบเตย 3 ใบ
- เกลือป่น 3 ช้อนชา
วิธีการทำ สาคู
- ขั้นตอนแรกสำหรับกรทำ ขนมไทย ทำเอง นำเม็ดสาคูไปล้างน้ำให้สะอาด เพื่อเป็นการขจัดแป้งและเศษฝุ่นที่ติดอยู่ตามเม็ดสาคูออกจากกัน
- จากนั้นนำเม็ดสาคูลงไปต้มในน้ำเดือด แล้วใส่ใบเตยลงไปต้มเป็นเวลา 10 นาที หรือจนกว่าเม็ดสาคูจะเริ่มมีสีใส ๆ
- ต่อไปให้เติมน้ำตาลทรายลงไป พร้อมกับใส่ข้าวโพดลงไปต้มในน้ำให้เดือด เมื่อข้าวโพดสุกได้ที่ดีแล้วให้นำข้าวโพดขึ้นมาใส่ถ้วยได้เลย
- นำเกลือป่นและน้ำกะทิที่เตรียมไว้มาต้มน้ำด้วยไฟอ่อนเป็นเวลา 5 นาที เมื่อน้ำกะทิเริ่มสุกดีแล้วให้ยกขึ้นราดบนขนมได้เลย เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นพร้อมรับประทานเมนู ขนมไทย หวาน ๆ กันได้แล้ว
วัตถุดิบสำหรับการทำ สาคูเปียกข้าวโพดมะพร้าวอ่อน
- ข้าวโพดหวาน ¼ ถ้วยตวง
- สาคู ¼ ถ้วยตวง
- มะพร้าวอ่อน 2 ลูก
- เผือกหั่นเต๋า 1 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
- ใบเตย 2 ใบ
- เกลือป่น 1 ช้อนชา9. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีการทำ สาคูข้าวโพดมะพร้าวอ่อน
- ขั้นตอนแรกในการทำ ขนม ไทย ทำ ง่าย ให้ตั้งหม้อด้วยไฟกลาง จากนั้นใส่น้ำเปล่าลงไปพร้อมกับน้ำตาลทรายแล้วต้มจนกว่าน้ำตาลจะละลายได้ที่
- จากนั้นนำเม็ดสาคูลงไปต้มในน้ำสะอาด แล้วทำการคนส่วนผสมให้เข้ากันหรือจนกว่าเนื้อสาคูจะมีสีใส หลังจากนั้นให้เติมน้ำตาลทรายลงไป พร้อมกับคนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง
- หลังจากเม็ดสาคูและน้ำตาลสุกได้ที่แล้ว ให้นำข้าวโพด เผือก และเนื้อมะพร้าวอ่อนใส่ตามลงไป แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง จากนั้นก็ปิดแก๊สได้เลย
- ต่อมาให้เตรียมหม้อแล้วใส่น้ำกะทิลงไปพร้อมกับเพิ่มกลิ่นหอมด้วยใบเตย เมื่อน้ำกะทิสุกได้ที่แล้วให้ใส่เกลือและน้ำตาลทรายตามลงไป
- แล้วคนส่วนผสมให้ละลายเข้าด้วยกัน เมื่อน้ำตาลและเกลือละลายได้ที่แล้วให้ตักน้ำกะทิใส่เม็ดสาคู พร้อมทาน ขนม ไทย ง่ายๆ กันได้เลย
วัตถุดิบสำหรับการทำสาคูเปียกเผือก
- สาคูใบเตยเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวง
- เผือกหั่นเต๋า 300 กรัม
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง
- กะทิ 300 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนชา
- เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีการทำสาคูเปียกเผือก
- ขั้นตอนแรกให้เติมน้ำเปล่าลงไปในหม้อแล้วรอจนกว่าน้ำจะเดือดได้ที่ จากนั้นให้ใส่เผือกลงไปต้มให้สุกแล้วตักขึ้นมาพักไว้ในถ้วย
- ล้างเม็ดสาคูในน้ำสะอาดแล้วนำเม็ดสาคูลงไปต้มในน้ำโดยไฟใช้กลาง จากนั้นให้กวนเม็ดสาคูจนกว่าเนื้อจะใสได้ที่
- แล้วให้เติมน้ำตาลทรายลงไปอีกครั้ง พร้อมกับคนน้ำตาลทรายให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกับสาคู จากนั้นใส่เผือกลงไปต้มต่อเป็นเวลา 5 นาที แล้วปิดแก๊สได้เลย
- ตั้งหม้อแล้วเปิดแก๊สด้วยไฟอ่อน จากนั้นใส่น้ำกะทิ เกลือ และแป้งลงไปต้มจนกว่าทุกอย่างจะละลายเข้าด้วยกัน จากนั้นปิดแก๊สแล้วราดน้ำกะทิลงบน ขนม ไทย สาคูเผือกได้เลย
ความอร่อยของเมนู สาคู เปียก ข้าวโพด ขนมไทยที่ใครก็หลงรัก
จบกันไปแล้วสำหรับเมนูสูตร ขนมไทย โบราณ ที่เรานำมาแบ่งปันทุกคนกันในวันนี้ สำหรับใครที่อยากลองทำเมนูขนมไทยที่มีรสชาติหอมอร่อยด้วยตัวเอง ต้องอย่าลืมนำสูตรขนมทั้ง 3 สูตรที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ไปลองทำตามกันดู เชื่อว่ารสชาติของสาคูแต่ละสูตร จะต้องมีความหอมอร่อยถูกใจคนทานกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะสาคู เปียก ข้าวโพดที่ขึ้นชื่อว่าเป็นขนมไทยที่ใครได้ลองชิม ก็ต้องหลงรักกันทุกคน
อ่านบทความอื่นๆ:
