Home

แกงเทโพ อาหารที่มีเอกลักษณ์ระดับตำนานของภาคกลาง

ถ้าพูดถึงอาหารประเภทแกงของภาคกลาง ทุกๆคนคงจะนึกถึงแกงกะทิเป็นอย่างแรก อาทิเช่น แกงกะทิฟักทอง แกงเขียวหวาน รวมถึงแกงกะทิเมนูอื่น ๆ และในวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับแกงกะทิอีกเมนูหนึ่งที่ขึ้นชื่อของภาคกลางที่มีเอกลักษณ์ประจำตัวที่น่าลิ้มลอง ซึ่งหากใครได้ลองชิมแล้วละก็เป็นต้องติดใจอย่างแน่นอนก็คือ แกงเทโพ นั่นเองแกงกะทิที่มี ผักบุ้งไทยก้านโตๆ ที่เป็นนางเอกประจำเมนูและถูกนำมาผัดให้เข้ากับพระเอกของเราอย่างหัวกะทิที่ถูกเคี่ยวจนแตกมันผัดผสมเข้ากับพริกแกงเผ็ดโขลกอย่างละเอียด ทำให้กลิ่น แกงเทโพ หอมฟุ้งไปทั่วทั้งบ้าน

ล้วงลึกวัตถุดิบและวิธีทำ แกงเทโพ อาหารคาวรสชาติกลมกล่อม

ระหว่างที่กำลังเตรียมวัถตุดิบทำ แกงเทโพ จู่ ๆ ก็เกิดความสงสัยว่า แกงเทโพ มีที่มาอย่างไร จึงได้ลองค้น ประวัติแกงเทโพ ซึ่งก็ได้ปรากฎอยู่ในกาพย์เห่ชมเรือเครื่องคาวหวานพระราชนิพนธ์ของ ร.2 ที่กล่าวไว้ว่า “เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน น่าซดรสครามครัน ของสวรรค์เสวยรมย์” ทำให้ได้คำตอบว่า แกงเทโพ มีชื่อเรียกมาจากปลาเทโพที่ถูกนำมาเป็น ส่วนประกอบของแกงเทโพ เพราะที่ท้องของปลาเทโพเป็นมันอย่างมากทำให้น้ำ ทำให้ตัวแกงนั้นมีมันลอยขึ้นมาน่ารับประทานที่สุด

แต่เมื่อเวลาผ่านไปปลาเทโพนั้นก็ไม่ได้เป็นที่นิยมในการทำ แกงเทโพสูตรโบราณ เพราะปลาเทโพหาได้ยากขึ้นจึงมีการนำเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ มาทดแทน และวันนี้จะขอนเสนออีกหนึ่งเนื้อสัตว์ที่นำมามาทำแกงเทโพและก็ได้ รสชาติแกงเทโพ ที่อร่อยไม่แพ้กับปลาเทโพเลยนั่นก็คือ “หมูสามชั้น” นั่นเอง พอได้คำตอบว่าที่มาของชื่อแกงเทโพมาจากไหนแล้ว อย่าได้รอช้าเรามาเตรียมส่วนประกอบ แกงเทโพหมูสามชั้น กันต่อเลย

– ผักบุ้งไทย 500 กรัม 

เคล็ดลับ นำผักบุ้งล้างให้สะอาดแล้วนำมาเด็ดเลือกยอดอ่อนด้วยมือ แล้วคัดส่วนที่เป็นก้านแก่ทิ้ง สิ่งสำคัญก่อนหันผักบุ้งให้ใช้มือบิดผักบุ้ง เพื่อให้น้ำแกงซึมเข้าเนื้อผักบุ้ง ทำให้ผักบุ้งนุ่มอร่อย แล้วนำไปหันด้วยความยาว 3-5 เซนติเมตร

– หมูสามชั้น 300 กรัม หั่นชิ้นพอดีคำ

– พริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มเติมได้ตามความชอบ)

– หัวกะทิ 600 กรัม – หางกะทิ 300 กรัม (หากไม่สะดวกใช้กะทิกล่องสำเร็จรูปแทนได้)

– ใบมะกรูด 10 ใบ ฉีกครึ่ง

– ลูกมะกรูด 2 ลูก ผ่าครึ่งแล้วนำเม็ดออก

– พริกชี้ฟ้าแดง 20 กรัม หั่นเป็นแว่น ๆ 

– น้ำเปล่า 200 กรัม

– น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

– น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

– น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำแกงเทโพหมูสามชั้น

1.ตั้งหม้อหรือกระทะด้วยไฟปานกลาง ใส่หัวกะทิลงไปส่วนหนึ่งแล้วผัดเคี่ยวให้แตกมัน เป็นอีกเคล็ดลับสูตรโบราณที่จะทำให้แกงกะทิเข้มข้น หอม สีสันสวยงาม เมื่อเคี่ยวจนกะทิแตกมันเหมือนน้ำมันให้เติมหัวกะทิลงไปเคี้ยวอีกครั้ง

2.เมื่อเคี่ยวจนกะทิแตกมันได้ที่แล้วก็นำพริกแกงเผ็ดลงไปผัดจนกลิ่นหอมฟุ้ง แล้วทยอยเติมหัวกะทิลงไปผัดให้เข้ากัน

3.จากนั้นใส่หมูสามชั้นลงไป คนให้เข้ากันแล้วตามด้วยหางกะทิที่เตรียมไว้ 

4.เพิ่มไฟให้แรงขึ้น รอให้น้ำแกงเดือด ร้อนจัดแล้วใส่ไฟบุ้งลงไปผัดลงกับผัดกับน้ำแกงให้ทั่ว เคล็ดลับตรงนี้คือต้องให้น้ำแกงเดือดจัดก่อนใส่ผักบุ้งไม่เช่นนั้นจะทำให้ผักบุ้งดำไม่น่าทาน

5.คนน้ำแกงไปเรื่อย ๆ จนเดือด และผักบุ้งร้อนจนมีสีที่เข้มขึ้น ให้ลดอุณหภูมิไฟลงเล็กน้อย หากน้ำแกงแห้งหรือข้นเกินไปให้เติมน้ำเปล่าหรือหัวกะทิ

6.ต้มเคี่ยวให้ผักบุ้งนิ่มลง จนถึงขั้นตอนนี้จะเห็นว่าน้ำแกงมีสีสันสวยงาม มันของกะทิที่เราผัดจนลอยขึ้น

7.หลังจากที่ต้มจนหมูสามชั้นสุก ให้เริ่มปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา คนผสมให้เข้ากันจนได้รสชาติที่กลมกล่อม ต้มต่อกันผักบุ้งนิ่มเข้าเนื้อ

8.เมื่อต้มจนผักบุ้งนิ่ม สีสวย ใส่ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้า บีบน้ำมะกรูด และลูกมะกรูดลงไป คนให้เข้ากันจนได้กลิ่นมะกรูดเอกลักของ แกงเทโพ จะชัดขึ้น 

9.ชิมรสอีกครั้ง แล้วปรุงรสเพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการแล้วต้มต่อให้เดือดอีกครั้ง แล้วตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟ พร้อมข้าวสวยร้อน ๆ ได้เลย

แกงเทโพ เมนูประจำบ้านที่ใคร ๆ ก็ทำได้

สำหรับสูตร แกงเทโพ ในวันนี้เห็นมั้ยคะว่า แกงเทโพวิธีทำ ไม่ยากเลยซักนิด เพียงแค่คุณต้องอาศัยความพิถีพิถันใส่ใจในทุกขั้นตอนของการปรุงรสเพื่อให้ได้ แกงเทโพสูตร เฉพาะของเราที่มีกลิ่น รสชาติกลมกล่อมถูกใจทั้งคนทำและคนทานจนลืมสนใจเลยว่าเมนูอย่าง แกงเทโพกี่แคล ซึ่งเมนูนี้ก็เป็นอีกหนึ่งอาหารไทยสูตรโบราณหาทานได้ยากและหากคุณได้กลิ่นหรือลิ้มรสอร่อยแล้วก็จะอดใจไม่ไหวที่จนขอข้าวสวยร้อน ๆ เพิ่มอีกจานอย่างแน่นอน

 

 

เว็บบอล